กรมอนามัย เผย เด็กไทยมีปัญหาการเจริญเติบโตของร่างกาย เพราะบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมน้อย โดยเฉพาะการดื่มนม
น.พ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า เด็กไทยกำลังเผชิญปัญหาด้านสุขภาพหลายอย่างโดยเฉพาะด้านการเจริญเติบโตของร่างกาย จากข้อมูลการเฝ้าระวังติดตามการเจริญเติบโตในเด็กนักเรียนอายุ6-12 ปี ในปี 2555 พบว่านักเรียนมีภาวะอ้วนจำนวน 187,000 คน เตี้ยจำนวน 254,620 คน และผอมจำนวน99,112 คน ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เพราะเด็กนักเรียนที่เตี้ยและผอม จะมีสติปัญญาด้อยเรียนรู้ช้า ภูมิต้านทานโรคต่ำ ติดเชื้อได้ง่าย
นอกจากนี้ ยังพบว่าการบริโภคอาหารที่มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกายอย่างแคลเซียมยังน้อยอีกด้วย โดยเฉพาะการดื่มนม ซึ่งคนไทยดื่มนมเฉลี่ยคนละ 14 ลิตรต่อปี ในขณะที่อัตราการดื่มนมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เฉลี่ยคนละ 60 ลิตรต่อปี และทั่วโลกเฉลี่ยคนละ 103.9 ลิตรต่อปี ซึ่งต่ำกว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และโลก 4-7 เท่า ส่งผลให้เด็กไทยเมื่อมีอายุ 18 ปี มีความสูงเฉลี่ยค่อนข้างเตี้ย โดยผู้ชายสูงเฉลี่ย 167.1 เซนติเมตร ผู้หญิงสูงเฉลี่ย 157.4 เซนติเมตร
น.พ.พรเทพ กล่าวอีกว่า แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีปริมาณมากที่สุดในร่างกาย ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกเนื่องจากร้อยละ 99 ของแคลเซียมอยู่ที่กระดูกและฟัน แต่การที่ร่างกายจะเจริญเติบโตได้ดีขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องความสูง นอกจากเกิดจากกรรมพันธุ์แล้ว การเจริญเติบโตด้านความยาวของกระดูก อาหารและการออกกำลังกายก็มีส่วนสำคัญ ซึ่งสารอาหารที่สร้างความแข็งแรงของกระดูกมีหลายชนิด เช่น โปรตีนฟอสฟอรัส แมกนีเซียม ฟลูออไรด์ ทองแดง แมงกานีส วิตามินซี วิตามินดี และวิตามินเค
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ปริมาณแคลเซียม ที่แนะนำให้บริโภคในแต่ละวันตามช่วงอายุ คือ เด็กอายุ 1-3 ปี ควรได้รับปริมาณแคลเซียม 500 มิลลิกรัม อายุ 4-8 ปี ควรได้รับปริมาณแคลเซียม 800 มิลลิกรัม อายุ 9-18 ปี ควรได้รับปริมาณแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัม
ที่มา : สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.