วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

'กระบี่' ติดอันดับ 2 ไข้เลือดออกระบาด ล่าสุดตายแล้ว 1






จ.กระบี่ ติดอันดับ 2 ไข้เลือดออกระบาด ล่าสุดตายแล้ว 1 ราย เป็นสาวเกาะลันตา ขณะที่ สสจ.กระบี่ เผยป่วยสะสม 920 ราย พบมากในอำเภอเมืองอายุ 10-14 ปี
นายแพทย์ภูมินทร์ ศิลาพันธ์ รองนายแพทย์สาธารณะสุขจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า สถานการณ์ไข้เลือดออกในจังหวัดกระบี่ในปีนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง มีจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา มีรายงานสถานการณ์ไข้เลือดออกตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 56-20 พฤษภาคม 56 พบจำนวนผู้ป่วยสะสมจำนวนกว่า 920 ราย จากปีที่ผ่านมาในช่วงเดียวกันมีจำนวนผู้ป่วยสะสมจำนวน 822 ราย คิดเป็นอัตราผู้ป่วย 211.11 ต่อประชากร 1 แสนคน และอยู่อันดับที่ 2 ของประเทศ รองจากจังหวัดสงขลา โดยกลุ่มอายุที่พบสูงที่สุดคือ อายุระหว่าง 10-14 ปี อาชีพที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคือ นักเรียน จำนวน 478 ราย รองลงมาคืออาชีพรับจ้างทั่วไป
รองนายแพทสาธารณสุข จังหวัดกระบี่ เปิดเผยอีกว่า สำหรับอำเภอที่พบผู้ป่วยมากที่สุดคือ อำเภอเมือง รองลงมาอำเภอคลองท่อม อำเภอเขาพนม อำเภอลำทับอำเภอเกาะลันตา ส่วนสาเหตุที่ในปีนี้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมีสาเหตุมาจากสภาพอากาศใน พื้นที่โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคใต้ มีฝนตกบ่อย และมีน้ำท่วมขัง ทำให้ มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายมากขึ้น นอกจากนี้มีประชากรเดินทางเข้ามาในพื้นที่เพิ่มมากขึ้นจากต่างจังหวัด แรงงานต่างด้าว เหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไข้เลือดออก
สำหรับมาตรการป้องกันก็เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำทุกตำบล มีความตื่นตัว และคัดกรองผู้ป่วยอย่างละเอียด เร่งรณรงค์ในพื้นที่เสี่ยงกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับไข้เลือดออกให้มากที่สุดหากสงสัยว่า บุตรหลานของท่านติดเชื้อไข้เลือดออกเช่นมีไข้ขึ้นสูง ปวดเมื่อย ให้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นไข้เลือดออกและรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที เพื่อจะได้รักษาถูกอาการไม่ควรหายากินเอง เพราะขณะนี้จำนวนผู้ป่วยในกระบี่มีจำนวนมากจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ล่าสุดมีรายงานผู้ป่วยไข้เลือดออกเสียชีวิตแล้ว 1 ราย คือนางสาวปราณี กสิคุณ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 ม.6 ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา ซึ่งเข้ารักษาตัวที่ รพ.เกาะลันตา และถูกส่งตัวมาที่ รพ.กระบี่ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา  

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

แพทย์แนะให้นมลูกช่วยลดเสี่ยงมะเร็งเต้านม






แพทย์ชี้ตัดเต้านมทิ้งลดโอกาสเสี่ยงมะเร็งเต้านมได้ แต่หากเกิดจากยีนส์ที่ผิดปกติมีโอกาสเป็นมะเร็งรังไข่ด้วย เผยหญิงไทยตายเพราะมะเร็งเต้านมเป็นอันดับ 3 โอกาสตรวจเจอระดับยีนส์ทำได้ยาก ยันขนาดเต้านมไม่เกี่ยวกับการเกิดโรค อึ้ง! กินฮอร์โมนแต่เด็กเพิ่มโอกาสเสี่ยง แนะออกกำลังกาย ให้ลูกดูดนมบ่อยๆ ช่วยลดอัตราเสี่ยงได้
นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีแองเจลินา โจลี นักแสดงสาวชื่อดังเข้ารับการผ่าตัดเอาเต้านมทั้ง 2 ออก เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านม ว่า โรคมะเร็งเต้านมส่วนใหญ่จะไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ในสหรัฐอเมริกาพบว่ามีอัตราการเกิดมะเร็งประมาณร้อยละ 1-5 เกิดจากยีนส์ที่มีความผิดปกติซึ่งถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือ บีอาร์ซีเอ 1 (BRCA1) หากตรวจพบยีนส์ผิดปกติประเภทนี้จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งได้ถึงร้อยละ 50-80 นอกจากนี้ จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ด้วย ทั้งนี้ การตัดเต้านมทิ้งจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้ แต่ยังต้องติดตามต่อเนื่องเพราะยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งรังไข่ด้วย
นพ.ธีรวุฒิ กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่า กลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่เกิดจากความผิดปกติของยีนส์อยู่ในสัดส่วนเท่าไร เนื่องจากเทคโนโลยีการตรวจหาความผิดปกติในระดับยีนส์ยังมีราคาสูงและสามารถทำได้เพียงไม่กี่ทีเท่านั้น แต่ผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมจากยีนส์ จะสังเกตได้ว่าจะมีประวัติพี่น้องสายตรงเป็นมะเร็งเต้านมทั้งสองข้าง หรือมีพี่น้องมากกว่าหนึ่งคนเป็นมะเร็ง หรือ เกิดมะเร็งเต้านมในผู้ชายในครอบครัวญาติพี่น้องสายตรง หากมีสัญญาณดังกล่าวควรจะหมั่นตรวจเช็กความผิดปกติ ซึ่งจะต้องใช้วิธีการตรวจแบบแมมโมแกรม ซึ่งมีความละเอียดสูง จึงจะสามารถตรวจหาสัญญาณความผิดปกติได้ ส่วนคนปกติทั่วไปที่ไม่มีสัญญาณความเสี่ยงการเกิดมะเร็งในครอบครัวจะแนะนำให้ตรวจหาความผิดปกติที่อายุประมาณ 40 ปี ซึ่งจะต่ำกว่าชาวตะวันตก
นพ.ธีรวุฒิ กล่าวด้วยว่า สถานการณ์มะเร็งเต้านมในไทย มีผู้ป่วยปีละ 13,000 คน และเสียชีวิตปีละ 4,600 คน เฉลี่ยเสียชีวิต 12 คนต่อวัน เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 รองจากมะเร็งตับที่เป็นการเสียชีวิตอันดับ 1 มีอัตราการเสียชีวิตถึงร้อยละ 90 และมะเร็งปากมดลูกที่เป็นการเสียชีวิตอันดับ 2 มีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 50 ปรากฏการณ์ของโรคส่วนใหญ่จะพบในหญิงอายุ 40-45 ปีขึ้นไป และมีแนวโน้มอุบัติการณ์ของโรคอยู่ที่ 20 ต่อแสนประชากร ความเสี่ยงจะเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนเพศหญิง (เฮโตรเจน) มากเกินไป ไม่สมดุล การรับประทานฮอร์โมนมากเกิดไป การรับประทานยาคุมกำเนิดตั้งแต่เด็ก การที่มีประจำเดือนอายุน้อยกว่า 12 ปี และหมดก่อน 50 ปี ถือว่ามีภาวะเสี่ยง ส่วนสาเหตุจากพันธุกรรมในคนไทยถือว่าพบในต่ำกว่าประเทศตะวันตก
“ขนาดของเต้านมไม่ได้มีผลที่ทำให้เกิดโรค เพียงแต่ยากแก่การตรวจคัดกรอง โดยในต่างประเทศจะใช้การตรวจด้วยเครื่องเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ การป้องกันมะเร็งเต้านมสามารถทำได้โดย การตรวจคัดคลำเต้านม ออกกำลังกาย ลดความอ้วน หรืองดการรับประทานอาหารมันจัด หากเป็นหญิงตั้งครรภ์ ควรให้บุตรดื่มนมพบว่าสามารถช่วยอัตราการเสี่ยงเกิดมะเร็งเต้านมได้”

บทความที่ได้รับความนิยม