การระบาดของโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ในประเทศเวียดนาม เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยเชื่อว่าเชื้อไวรัสดังกล่าวกลายพันธุ์จากหวัดนกสายพันธุ์ "H5N1" ซึ่งระบาดทั่วประเทศเมื่อปีที่แล้ว และทำให้ทางการเวียดนามต้องฆ่าสัตว์ปีกในพื้นที่ได้รับผลกระทบโดยหวัดนกสายพันธุ์นี้กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับรัฐบาลเวียดนามในขณะนี้
ตั้งแต่ต้นปีสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดนกในประเทศเวียดนามมีมากกว่า 40 ครั้ง ทำลายสัตว์ปีกไปกว่า 1.8 แสนตัว และจากรายงานของกรมสุขภาพสัตว์ กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทของเวียดนาม พบว่า สายพันธุ์ของเชื้อไข้หวัดนก H5N1 มีการเปลี่ยนแปลงทำให้เกิด การระบาดที่รุนแรงขึ้นและเป็นไปได้ว่าเชื้อโรคดังกล่าวได้แพร่ระบาดมาจากประเทศจีนโดยมีรายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2555 เกิดการระบาดของเชื้อไข้หวัดนกชนิด H5N1 ขึ้น 1 จุด ตำบล Hop Hoa เมือง Hoa Binh นอกจากนี้เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2555 ยังมีรายงานการระบาดที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกด้วย
นายทฤษดี ชาวเจริญ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ความเสี่ยงของโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในเวียดนามอาจมีโอกาสแพร่ระบาดมายังประเทศไทยได้ทางนกอพยพ หรือนกธรรมชาติที่บินเข้ามาสู่ประเทศไทย และการลักลอบนำสัตว์ปีกเข้ามาตามบริเวณแนวชายแดนผ่านทางประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น กรมปศุสัตว์จึงได้ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชในการให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและเก็บตัวอย่างอุจจาระและซากของนกอพยก และนกธรรมชาติในแหล่งที่นกอาศัยอยู่ทั่วประเทศ หากพบว่ามีนกตายผิดปกติหรือพบเชื้อโรคไข้หวัดนกจะเข้าควบคุมโรคในพื้นที่ทันที และได้แจ้งให้ทุกจังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านมีการเฝ้าระวังโรคอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งให้พ่นยาฆ่าเชื้อในพื้นที่เสี่ยงบริเวณชายแดนและแหล่งที่มีนกอพยพ นกธรรมชาติอาศัยอยู่ พร้อมทั้งสั่งการให้ด่านกักสัตว์ตามแนวชายแดนทุกด่านกักสัตว์ตามแนวชายแดนทุกด่านร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ทหาร ตำรวจ ศุลกากร เข้มงวดตรวจสอบบุคคลเข้าออกต้องไม่มีการนำสัตว์ปีกเข้ามาในประเทศ พร้อมทั้งพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคยานพาหนะเข้า-ออก ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ รถเข็น ตลอดจนบุคคลที่เดินเท้าเข้ามา หากพบการกระทำผิดจะจับกุมดำเนินคดีและทำลายสัตว์ปีกหรือซากสัตว์ปีกทันที