วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555

กินเจ...สุขภาพดีเสริมภูมิคุ้มกั






                                      


ไม่ใช่แค่ช่วง "กินเจ" แต่การบริโภคอาหารธรรมชาติ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป ลดการรับประทานเนื้อสัตว์ ดูจะเป็นทางเลือกหนึ่งในการดูแลรักษาสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมของผู้คนยุคนี้
อาจารย์ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าการงดเนื้อสัตว์ทุกชนิดและใช้โปรตีนจากเห็ดและถั่วชนิดต่างๆแทน จะช่วยให้กระเพาะอาหารได้พักจากการย่อยเนื้อสัตว์ที่ทำประจำอยู่ และการบริโภคผัก ผลไม้เพิ่มขึ้นยังช่วยให้ร่างกายได้รับเกลือแร่และวิตามินที่นำไปช่วยเสริมสร้างกระบวนการทำงานต่างๆของร่างกายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
อีกทั้งยังให้สารต้านอนุมูลอิสระและสารพฤกษเคมีที่ช่วยในการเพิ่มภูมิต้านทาน ตลอดจนลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเบาหวานและโรคเรื้อรังอื่นๆ อีกด้วย
แต่ทั้งนี้ต้องรู้จักเลือกและผสมผสานวัตถุดิบในการประกอบอาหารให้เหมาะสม เพื่อจะได้รับสารอาหารที่หลากหลายและสมดุล อย่างเช่น ผัก ผลไม้ เมล็ดธัญพืชจำพวก ข้าว ถั่วต่างๆ งา ล้วนแล้วแต่ให้คุณค่าสารอาหารที่ต่างกันออกไป
ส่วนในเรื่องที่มีบางคนสงสัยว่า การกินเจให้ผลดีต่อสุขภาพจริงไหม และจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารหรือไม่นั้น
อันที่จริงอาหารเจซึ่งเต็มไปด้วยผักผลไม้และธัญพืช มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ สารพฤกษเคมี และใยอาหาร ฯลฯ
ตัวอย่างผลไม้ที่มีฤทธิ์ของการต้านอนุมูลอิสระสูงสุด ได้แก่ พรุน และบิลเบอรี่ ที่มีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งอยู่ในกลุ่มของสารฟลาโวนอยด์ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันความเสื่อมของจอประสาทตา มีใยอาหารช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเต้านม โดยใยอาหารชนิดละลายน้ำช่วยลดคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาล ส่วนชนิดไม่ละลายน้ำช่วยป้องกันท้องผูกและมะเร็งในลำไส้
ผักผลไม้ส่วนใหญ่เป็นแหล่งใยอาหารทั้งสองชนิดโดยเฉพาะใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ แต่ใยอาหารที่ละลายน้ำจะมีน้อยกว่ายกเว้นผักผลไม้บางชนิดที่มีใยอาหารที่ละลายน้ำสูงได้แก่ พรุน ส้ม กล้วย แอปเปิล มะเขือยาว ฝักกระเจี๊ยบ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันไม่ให้ขาดสารอาหารบางชนิด ชาวเจควรเลือกรับประทานอาหารเจอย่างถูกวิธี สารอาหารที่ต้องเน้นเป็นพิเศษนอกเหนือจากโปรตีนก็คืออาหารที่มีธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามินบี 2 หรือ ไรโบเฟลวิน วิตามินบี 12 วิตามินดี และสังกะสี เพื่อร่างกายจะได้รับสารอาหารครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ
ที่สำคัญควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะอาหารที่มีกากใยสูงต้องการน้ำในการทำงานหากดื่มน้ำไม่พออาจทำให้เกิดอาการท้องอืด มีแก๊ส ปวดท้องได้
จะเห็นได้ว่าการกินเจอย่างถูกหลักนั้น ทำให้อาหารเหล่านี้เป็นแหล่งสารเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายที่จะรับมือกับสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงเสมอ และยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคได้อีกด้วย


วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เตรียมพร้อมรับมือ "หวัดนก" สายพันธุ์ใหม่ จากเวียดนาม



การระบาดของโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ในประเทศเวียดนาม เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยเชื่อว่าเชื้อไวรัสดังกล่าวกลายพันธุ์จากหวัดนกสายพันธุ์ "H5N1" ซึ่งระบาดทั่วประเทศเมื่อปีที่แล้ว และทำให้ทางการเวียดนามต้องฆ่าสัตว์ปีกในพื้นที่ได้รับผลกระทบโดยหวัดนกสายพันธุ์นี้กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับรัฐบาลเวียดนามในขณะนี้




ตั้งแต่ต้นปีสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดนกในประเทศเวียดนามมีมากกว่า 40 ครั้ง ทำลายสัตว์ปีกไปกว่า 1.8 แสนตัว และจากรายงานของกรมสุขภาพสัตว์ กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทของเวียดนาม พบว่า สายพันธุ์ของเชื้อไข้หวัดนก H5N1 มีการเปลี่ยนแปลงทำให้เกิด การระบาดที่รุนแรงขึ้นและเป็นไปได้ว่าเชื้อโรคดังกล่าวได้แพร่ระบาดมาจากประเทศจีนโดยมีรายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2555 เกิดการระบาดของเชื้อไข้หวัดนกชนิด H5N1 ขึ้น 1 จุด ตำบล Hop Hoa เมือง Hoa Binh นอกจากนี้เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2555 ยังมีรายงานการระบาดที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกด้วย
นายทฤษดี ชาวเจริญ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ความเสี่ยงของโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในเวียดนามอาจมีโอกาสแพร่ระบาดมายังประเทศไทยได้ทางนกอพยพ หรือนกธรรมชาติที่บินเข้ามาสู่ประเทศไทย และการลักลอบนำสัตว์ปีกเข้ามาตามบริเวณแนวชายแดนผ่านทางประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น กรมปศุสัตว์จึงได้ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชในการให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและเก็บตัวอย่างอุจจาระและซากของนกอพยก และนกธรรมชาติในแหล่งที่นกอาศัยอยู่ทั่วประเทศ หากพบว่ามีนกตายผิดปกติหรือพบเชื้อโรคไข้หวัดนกจะเข้าควบคุมโรคในพื้นที่ทันที และได้แจ้งให้ทุกจังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านมีการเฝ้าระวังโรคอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งให้พ่นยาฆ่าเชื้อในพื้นที่เสี่ยงบริเวณชายแดนและแหล่งที่มีนกอพยพ นกธรรมชาติอาศัยอยู่ พร้อมทั้งสั่งการให้ด่านกักสัตว์ตามแนวชายแดนทุกด่านกักสัตว์ตามแนวชายแดนทุกด่านร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ทหาร ตำรวจ ศุลกากร เข้มงวดตรวจสอบบุคคลเข้าออกต้องไม่มีการนำสัตว์ปีกเข้ามาในประเทศ พร้อมทั้งพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคยานพาหนะเข้า-ออก ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ รถเข็น ตลอดจนบุคคลที่เดินเท้าเข้ามา หากพบการกระทำผิดจะจับกุมดำเนินคดีและทำลายสัตว์ปีกหรือซากสัตว์ปีกทันที

บทความที่ได้รับความนิยม