วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ไข้เลือดออกผู้ป่วยหมื่นราย ตาย 9 ราย




อธิบดีกรมควบคุมโรคเผยสถาน การณ์ไข้เลือดออกรุนกว่าปีที่ผ่านมา เหตุปี 54 น้ำมาก แต่ขาดการจัดการลูกน้ำยุงลาย มีผู้ป่วยแล้วกว่าหมื่นรายตาย 9 ราย ในกลุ่มอายุ 15 ปีขึ้นไป เพราะขาดความตระหนัก
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า ปีนี้สถานการณ์โรคไข้เลือดออกถือว่าน่าเป็นห่วงมาก และคาดว่าจะมีความรุนแรงกว่ามาก เพราะขณะนี้มีผู้ป่วยมากกว่าปีที่แล้ว โดยมีรายงานผู้ป่วยแล้ว 10,147 ราย เสียชีวิต 9 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป เพราะกลุ่มนี้เป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงอยู่แล้วเลยไม่ได้ตระหนักในการดูแลตัวเองเท่าไหร่ นึกว่าตัวเองไม่ป่วย เลยทำให้เสียชีวิต ดังนั้นหากใครก็ตามที่มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส เกิน 3 วัน ซึม อาเจียน ทานอาหารไม่ได้ ขอให้สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก ขอให้รีบไปพบแพทย์
อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวต่อว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีอัตราการป่วยสูงสุดเกิน 50 รายต่อแสนประชากร คือ กระบี่ ระยอง ระนอง สมุทรสาคร ตราด พังงา สตูล ราชบุรี ภูเก็ต จันทบุรี สาเหตุที่ไข้เลือดปีนี้น่าจะมีการระบาดเพิ่มขึ้น เนื่องจากปีที่แล้วน้ำเยอะแต่ไม่มีการจัดการปัญหาลูกน้ำอย่างจริงจัง หากไม่ทำอะไรเลย ประเทศอาเซียนจะมีผู้ป่วยเกิน 2 แสนราย ตายมากกว่า 500 ดังนั้นจึงอยากฝากแนวปฏิบัติ 5 ป. คือ ปิดฝาภาชนะให้มิดชิด เปลี่ยนน้ำในแจกันทุกๆ 7  วัน ปล่อยปลากินลูกน้ำ ปรับปรุงสิ่งแวดล้อม และปฏิบัติเป็นประจำสม่ำเสมอ
นพ.พรเทพกล่าวต่ออีกว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีข่าวดีเรื่องวัคซีนป้องกันไข้เลือดที่มีการวิจัยในประเทศไทยร่วมกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีน คาดว่าภายใน 1 ปี จะมีวัคซีนออกมาใช้ โดยนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะแถลงผลการวิจัยดังกล่าวในเดือนกันยายน และเชื่อว่าประเทศไทยน่าจะได้รับการฉีดวัคซีนก่อนประเทศอื่นๆเนื่องจากเป็นประเทศร่วมวิจัย ทั้งนี้ วัคซีนดังกล่าวจะฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ในเด็กที่มีอายุ 2 ขวบขึ้นไป
ด้าน นพ.ภาสกร อัครเสวี ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กล่าวว่า สายพันธุ์ไข้เลือดออกที่ระบาดในปีนี้เป็นเชื้อเดงกี่ 1 และ 2 ในขณะที่ปีที่แล้วพบปะปนกันทั้ง 4สายพันธุ์ คือ 1, 2, 3, 4 ส่วนกรณีที่พบผู้เสียชีวิตอายุมากกว่า 15 ปีขึ้นไป ที่น่าเป็นห่วง เพราะผู้ใหญ่ไม่ตระหนัก นึกว่าไม่ได้ป่วยโรคนี้ จึงไปหาหมอช้า และพอไข้ลดนึกว่าหายป่วยแล้วจึงออกไปทำงาน หรือกิจกรรมตามปกติ ส่งผลให้เกิดการช็อกจนเสียชีวิต ซึ่งช่วงหน้าฝนเป็นฤดูที่มีการระบาดของไข้เลือดออกอยู่แล้ว
ที่มา :สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สธ.จัดระเบียบ'ตลาดนัด'ทั่วประเทศ

"สุรวิทย์" ออกนโยบายยกระดับมาตรฐานตลาดนัดกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ เตรียมประกาศให้ตลาดนัดเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ชี้ต้องขึ้นทะเบียนขออนุญาตปฏิบัติตามเกณฑ์มาตรฐาน

 สธ.จัดระเบียบ'ตลาดนัด'ทั่วประเทศ


นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีนโยบายควบคุมมาตรฐานของตลาดนัด ซึ่งเป็นจุดจำหน่ายอาหารชั่วคราว และกำลังเป็นที่นิยมทั่วประเทศ มีทั้งในเขตเมืองและชนบท เนื่องจากราคาสินค้าย่อมเยา คาดว่าทั่วประเทศจะมีตลาดประเภทนี้ทุกตำบลรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10,000 แห่ง บางหมู่บ้านมีนัดวันเว้นวัน จึงต้องมีการดูแลคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัย โดยตลาดนัดจัดว่าเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ผู้ประกอบการตลาดนัด จะต้องขออนุญาตขึ้นทะเบียนต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น อบต.เทศบาล ให้ถูกต้องตามกฎหมาย
        
นพ.สุรวิทย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้กรมอนามัยได้จัดทำเกณฑ์มาตรฐานของตลาดนัดเรียบร้อยแล้ว และจะประชุมชี้แจงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นผู้ดูแลตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ในเร็วๆ นี้ สำหรับเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำกำหนด 3 ประการได้แก่ 1.ความสะอาดของสถานที่ เช่น ต้องอยู่ห่างจากแหล่งที่ก่อให้เกิดมลพิษอย่างน้อย 100 เมตร แผงจำหน่ายอาหารต้องยกสูงกว่าพื้นไม่น้อยกว่า 60 เซนติเมตร ต้องจัดให้มีห้องส้วม ฯลฯ 2.อาหารที่จำหน่ายต้องปลอดภัยจากสารต้องห้ามอย่างน้อย 4 ตัว ได้แก่ สารฟอร์มาลินหรือน้ำยาดองศพ สารกันราหรือกรดซาลิชิลิก สารบอแรกซ์ หรือน้ำประสานทอง และสารฟอกขาว และ 3.มีมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคเช่น ระบบตาชั่งกลาง เป็นต้น

วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สธ.ฉีดวัคซีนหวัดใหญ่ฟรีเน้น 7 กลุ่มเสี่ยง เริ่ม 1 มิ.ย.นี้

มิ.ย.เริ่มฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี! ให้ 7 กลุ่มเสี่ยงในทุกสิทธิ์รักษาพยาบาล 3.55 ล้านคนเป็นปีแรก ใช้งบกว่า 500 ล้านบาท รับบริการได้ในสถานพยาบาลของรัฐทุกแห่ง-รพ.เอกชนที่ร่วมรายการ

สธ.ฉีดวัคซีนหวัดใหญ่ฟรีเน้น 7 กลุ่มเสี่ยง เริ่ม 1 มิ.ย.นี้

นพ.โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในปี 2555 นี้ สธ.ร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) จัดโครงการรณงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ประจำปี 2555 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายให้แก่ประชากรกลุ่มเสี่ยงในทุกสิทธิการรักษา ได้แก่ 1.ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง คือ โรคปอดอุดกั้นเรื้องรัง หอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวายเรื้อรัง มะเร็งที่กำลังรับเคมีบำบัด เบาหวาน ธาลัสซีเมีย และภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมทั้งผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการ 2.ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 3.ผู้มีน้ำหนักตัวมากกว่า 100 กิโลกรัม 4.ผู้พิการทางสมองช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 5.เด็กอายุ 6 เดือน-2 ปี 6.หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป และ 7.บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดสัตว์ปีก จำนวน 3.55 ล้านคน ซึ่งได้ขยายกลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นจากปี 2554 จำนวน 1 ล้านคน

"โครงการนี้ใช้งบประมาณของ สปสช.กว่า 500 ล้านบาท วัคซีนที่นำมาใช้ในการฉีดเป็นวัคซีนรวม 3สายพันธุ์ คือ ชนิดเอ เอช 1เอ็น 1ชนิด เอ เอช 3เอ็น 2และชนิดบี ซึ่งเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่พบบ่อยในไทยและทั่วโลกและวัคซีนยังใช้ได้ผลดี เพราะเชื้อไม่มีปัญหากลายพันธุ์ จะเริ่มฉีดพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน-30 กันยายน 2555 ในสถานพยาบลของรัฐทุกแห่งและโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ" นพ.โสภณกล่าว

นพ.สมชัย นิจพานิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า นับตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะไม่อันครายมากนักสำหรับคนทั่ว แต่สำหรับกลุ่มเสี่ยงจะเป็นอันตรายมากกว่าคนปกติ


บทความที่ได้รับความนิยม